Translate

05 สิงหาคม 2551

Only Love is Real




คุณเชื่อในพรหมลิขิตมั้ย?
โชคชะตาเป็นผู้กำหนดให้คู่แท้สองคนต้องมาพบกัน เราต้องได้พบคนคนนั้น
แต่เราเลือกที่จะทำอะไร อย่างไร หลังจากที่ได้พบกัน
แล้วสุดแท้แต่ใจเรา สุดแท้แต่ทางที่เราเลือกเดิน
การเลือกทางผิด หรือปล่อยให้โอกาสหลุดลอยไป
จะนำพาชีวิตเราไปสู่ความโดดเดี่ยวอ้างว้างและทุกข์ทรมานไปตลอดทั้งชาตินี้เลยก็ได้
ถ้อยคำบางตอนจากหนังสือ "Only love is real" หรือในชื่อภาษาไทยที่คุ้นหูว่า "เราจะข้ามเวลามาพบกัน"
เป็นงานเขียนของดร.ไวส์ จิตแพทย์ที่รักษาคนไข้ด้วยวิธีการสะกดจิต เป็นเรื่องจริง และไม่ได้เป็นหนังสือนิยาย ที่ถ่ายทอดเรื่องราวของ อลิซาเบธ และ เปโดร คนเราทุกคนย่อมมีเนื้อคู่ ของตัวเองทั้งสิ้น และมักจะมีถึงสองสามหรือแม้กระทั่งสี่คนในช่วงชีวิตหนึ่ง คู่แท้ที่จำกันไม่ได้ ...เขาอาจจะจำคุณไม่ได้ แม้ว่าคุณจะได้พบกับเขาอีกครั้ง แม้ว่าคุณจะรู้จักและจำเขาได้ก็ตาม แต่เขาไม่เห็น ความกลัวของเขาไม่ยอมให้คุณช่วยเปิดม่านนั้นขึ้น คุณคร่ำครวญ โศกเศร้า ร้าวราน ส่วนเขาก็มีชีวิตของเขาต่อไป บางครั้งพรหมลิขิตก็ละเอียดอ่อนเสียเหลือล้ำ
Elizabeth : หญิงสาวที่มีบาดแผลทางใจ หลังจากสูญเสียแม่อันเป็นที่รัก ความทุกข์ที่มีมาตลอดก็ดูจะถาโถมจนเธอหดหู่สิ้นหวัง ไม่ว่าจะเป็นงาน หรือแม้แต่ความสัมพันธ์กับคนรักก็ดูรุมเร้าเธอเหลือเกิน เธอผ่านการใช้ชีวิตแต่งงานมาแล้ว 1 ครั้งกับพ่อม่ายลูกติด แต่เพียงระยะเวลาอันสั้น เขาและเธอก็มีอันต้องเลิกรา เนื่องจากสามีเธอปันใจให้คนอื่น ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้รักเขามาก แต่ก็รู้สึกยากที่จะจากไป หลังจากนั้น ถึงแม้จะมีผู้ชายใหม่ ๆ เข้ามาในชีวิต เธอก็ยังไม่รู้สึกว่าเขาเหล่านี้คือคนที่ใช่สำหรับเธอ จะมีซักวันมั้ย ที่จะได้พบเขาคนนั้น คนที่เธอสามารถมีความรักที่ลึกซึ้งและงดงามได้
Pedro : ชายหนุ่มเม๊กซิกันที่พบความสูญเสียเช่นเดียวกับ Elizabeth พี่ชายของเปโดรเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ เปโดรรู้สึกสิ้นหวังจากการตายของพี่ชาย จึงหวังว่าการบำบัดกับดร.ไวส์ จะทำให้เขาได้พ้นจากการเศร้าโศกเสียใจได้
ดร.ไวส์ได้ทำการรักษา Elizabeth กับ Pedro ด้วยวิธีการสะกดจิต เพื่อให้นึกย้อนไปในอดีตวัยเยาว์ และอีกภพชาติที่ล่วงเลยมา
การให้คนไข้ย้อนอดีตนั้น ก็เพื่อหาเหตุแห่งบาดแผลทางใจที่บางครั้งมิได้เกิดจากชาตินี้ แต่อาจเป็นชาติใดชาติหนึ่ง ที่คล้ายบ่วงที่คล้องติดดวงวิญญาณดวงนั้นไป
ในหลายชาติของเปโดรเอง พบกับความสูญเสียและพรากจากคนที่รัก หนังสือเล่มนี้ เป็นเรื่องจริงที่ถ่ายทอดการย้อนอดีตชาติ ของ คน 2 คน ที่ไม่เคยพบกัน ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แต่กลับ ให้ข้อมูลในอดีตชาติที่ทั้งคู่เคยเกิดร่วมกันมาได้ตรงกัน ในชาติหนึ่งเค้าทั้งคู่ เคยเกิดเป็นพ่อลูกกัน ความตายได้พรากพ่อออกจากลูกไปนิรันดร์กาล แต่ดวงวิญญาณทั้งสองคนก็กลับมาพบกันอีกครั้งในชาติต่อมาในดินแดนแห่งมองโกเลีย ความผูกพันซึ่งที่นี้ เปโดรก็ต้องสูญเสียอลิซาเบธไปอีกครั้ง..... จนมาถึงชาตินี้ ความลับในอดีตชาติของทั้งคู่ถูกเปิดเผยมา โดยที่ทั้งสองคนไม่เคยพบกันมาก่อนแต่กลับเล่าเรื่องราวได้อย่างละเอียดและตรงกัน
ดร.ไวส์เป็นผู้เดียวที่รู้เรื่องนี้ เขาลังเลที่จะบอกให้ทั้งคู่ได้รู้ แต่นั่นก็คือการทำผิดจรรยาบรรณหรือหากบอกแล้ว เกิดเรื่องเลวร้ายกับทั้ง 2 คน แทนที่จะดีขึ้นกับแย่ลงไปอีก แต่หากไม่บอกเมื่อสิ้นสุดการบำบัด ทั้งสองคนก็จะแยกย้ายกันไปตามทางของแต่ละคน ดร.ไวส์ได้ทบทวนทุกอย่างและได้ตัดสินใจที่จะทำให้ทั้งคู่เจอกัน โดยไม่บอกกล่าวให้ทั้งคู่รู้ตัว
"แต่พรหมลิขิตจะทำงานของตนเองเมื่อถึงเวลา" ความพยายามของดร.ไวส์ทำได้แค่หยุดสายตาให้ทั้งคู่ได้เพียงสบตากันเท่านั้น เพียงแค่เสี้ยวนาทีที่อลิซาเบธพบเปโดร เธอรู้สึกคุ้นเคยเขา แต่เพียงเท่านั้น...ทั้งคู่ไม่ได้คุยหรือสานสัมพันธ์ใดต่อกัน จนในที่สุดก็สิ้นสุดการรักษา ต่างคนต่างแยกย้ายไปตามทางของตน
....เมื่อถึงเวลาที่พรหมลิขิตพร้อมทำหน้าที่แล้ว จึงได้นำทางให้อลิซาเบธได้พบกับเปโดรอีกครั้งอย่างไม่คาดฝัน ดร.ไวส์เล่าให้ฟังในตอนท้ายเรื่องว่า ทั้งคู่พบกันอีกครั้งบนเครื่องบิน ซึ่งอลิซาเบธจำเป็นต้องเปลี่ยนไฟลท์เดินทางกระทันหัน จนได้ไปลำเดียวกับเปโดร ทั้งคู่พบกันอีก แล้วเริ่มพูดคุยกัน จนในที่สุดหลังจากนั้นไม่นาน ทั้งคู่ก็ตกลงแต่งงานกัน .......หรือนี่จะเป็นที่เรียกว่า ชะตาฟ้าลิขิต

เราอาจจะไม่ได้ลงเอยที่การแต่งงานกับเนื้อคู่ซึ่งผูกพันกันอย่างแน่นแฟ้นที่สุดก็เป็นได้ บางทีคู่แท้ของเราอาจจะมีมากกว่า 1 คน เนื่องเพราะครอบครัวแห่งดวงวิญญาณของเราเดินทางมาด้วยกัน คู่แท้ในชาติที่แล้วของเราอาจจะเกิดมาเป็นพ่อ แม่ พี่ หรือน้อง หรือเพื่อนเรา หรือยังไม่ถึงเวลาที่คู่แท้ของเราได้มาเกิด แต่ดวงวิญญาณของคู่แท้นั้น อาจจะคอยดูแลเรา คุ้มครองเราจากอีกฝั่งฟากหนึ่งก็เป็นได้

18 กรกฎาคม 2551

My Way ตามเส้นทางของฉัน

ฉันเขียนถ้อยคำนี้ไว้ อันเนื่องจากกระทู้ TWS ใน Trekking Thai แต่ฉันไม่ได้เอาไปลง เนื่องจากเนื้อหาดูเศร้า ฉันเลยเก็บไว้อ่านเองดีกว่า :)

แต่ฉันเองก็ส่งให้พี่คนหนึ่งที่รู้จักกันได้อ่านแล้ว แค่คนเดียวเท่านั้นเอง

ถึงเพื่อนของฉัน...เวลาของฉันคงใกล้หมดลงทุกทีแล้ว
ฉันกำลังเผชิญหน้ากับฉากสุดท้ายของชีวิต


ฉันกำลังจะบอกให้เธอได้รับรู้ถึงเรื่องราว ที่ซึ่งฉันก้าวย่างผ่านพ้นมา
ฉันมีชีวิตที่เต็มเปี่ยมด้วยพลัง ผ่านการเดินทางก้าวแล้วก้าวเล่าตามแต่หนทาง


ฉันทำในสิ่งที่ฉันควรทำ แม้มันอาจดูว่าไม่มีค่ายิ่งใหญ่เพียงใดเลย

เมื่อฉันย้อนกลับไปมอง... ฉันยังจำได้ในทุกรายละเอียด ทุก ๆ ความทรงจำที่ผ่านมา

แต่น่าเสียดายที่เวลาของฉันมีเพียงเล็กน้อยเท่านั้นที่จะอิ่มเอมไปกับมัน
ถึงแม้ว่าตลอดเส้นทางของฉัน ฉันจะเคยวาดหวัง และใช้ชีวิตอย่างระมัดระวังก็ตามที


แต่ฉันก็เคยล้มและเจ็บ แต่เธอรู้มั้ย มันยังมีอะไรที่มากกว่านั้น นั่นคือ

"ฉันได้เลือกที่จะดำเนินตามทางของฉันเอง"
บางทีฉันพบว่า ฉันพอใจที่จะลงมือทำ มากกว่าการมานั่งคิดไตร่ตรองว่า


ผลประโยชน์ที่ฉันจะได้นั้น มันคุ้มค่ากับความทุ่มเทของฉันหรือไม่

ฉันพร้อมจะยอมรับหากทางที่ฉันเดินผิดพลาดขึ้นมา

ฉันพร้อมที่จะยืนขึ้นและท้าทายความผิดพลาดของฉันโดยไม่อาย

ไม่หลบหนีไปไหน เพระมันคือทางที่ฉันเลือก เลือกที่จะทำแล้ว
ในยามที่ฉันมีความรัก ฉันก็เลือกในแบบทางของฉัน


ฉันพร้อมที่จะรักและร้องไห้ ความรักคือส่วนเติมเต็มที่ฉันขาดหาย

แม้ว่าความรักจะมาพร้อมกับความเจ็บปวด

แต่หากแม้เวลาล่วงไป น้ำตาแห่งความเสียใจก็ดูจะแห้งเหือดไปแล้วเช่นกัน
เพื่อนของฉัน... ฉันอยากบอกเธอว่า สำหรับคน ๆ นึงแล้ว


อะไรที่เขาได้รับ ถึงแม้จะมีค่ายิ่งใหญ่เพียงใด

หากมันไม่ได้เป็นตัวตนจิตวิญญาณของเขาแล้ว

เขาก็จะเห็นว่ามันเป็นแค่เศษเสี้ยวแห่งผงธุลี

อย่าแม้แต่จะอ้อนวอนขอให้รับไว้

นั่นแหละคือความรู้สึกอย่างแท้จริงที่ฉันอยากบอกเธอ

ฉันไม่อาจละทิ้งทางของฉันไปได้
ทุก ๆ สิ่งที่ฉันเขียนไว้นี้


ฉันได้ถ่ายทอดออกจากใจของฉันให้เธอรับรู้

จงรู้ไว้ว่า ทุก ๆ สิ่งที่ฉันทำ ฉันได้เลือกแล้ว

เลือกที่จะดำเนินตามทางของฉันเอง...

08 กรกฎาคม 2551

เพลงช่วงที่ดีที่สุด ...กับช่วงเวลาที่ดีที่สุดของฉัน

เพลง ช่วงที่ดีที่สุด Boyd & Pod
เดินจับมือกัน ทุกขฺ์สุขด้วยกัน หัวเราะร้องไห้ด้วยกันมานานเท่าไหร่
ชั้นไม่เคยลืมจากใจ
วันที่เราดี วันที่ทะเลาะ ภาพวันและคืนเหล่านั้นจะยังงดงามไม่เคยเปลี่ยนไป
ยังคงเป็นดั่งเหมือนกับเมื่อวาน อยู่ในส่วนลึกความทรงจำ แต่ต่างกันแค่เพียง ในตอนนี้.....
** ฉันนั้นไม่ได้มีเธออยู่ข้างๆ เหมือนวันที่เราเคยเดินข้ามผ่าน
ทุกๆสิ่ง ทุกๆอย่างมาด้วยกัน นับเป็นช่วงชีวิตที่ดีที่สุด
แม้เป็นแค่เพียงเวลาสั้นๆ ที่เคยเกิดขึ้นกับชั้น เพราะเธอ..
เพลงแหละของขวัญ ตั๋วจากโรงหนัง จดหมายก็ส่งให้กัน ในวันที่ห่าง
ชั้นนั้นยังคงเก็บไว้
วันที่เหนื่อยล้า ถ้อยคำที่ปลอบใจ ภาพวันและคืนเหล่านั้น
ที่จะยังงดงามไม่เคยเปลี่ยนไป
ยังคงเป็นดั่งเหมือนกับเมื่อวาน อยู่ในส่วนลึกความทรงจำ
แต่ต่างกันแค่เพียง ในตอนนี้..... ซ้ำ ( ** )
ไม่รู้ว่าเธอ ไม่รู้ว่าเธอจะได้ยินเพลงนี้รึยัง
อยากจะให้เธอ ช่วยมารับฟัง ว่าชั้นนั้นคิดถึง ( ** )

http://www.ijigg.com/songs/V2CADFA4PB0

เป็นอีกเพลงนึงที่ชอบ เวลาฟัง แล้วจะนึกถึงเรื่องราวดี ๆ กับใครซักคน ที่ผ่านมา และผ่านไปแล้ว
บางครั้งฉันไม่สามารถจะเอาเขากลับมาเหมือนวันวานได้ ถึงแม้เขาจะกลับมา แต่ทุกอย่างก็ไม่สามารถกลับไปเหมือนเดิมได้แล้ว
ฉันอยากบอกเค้าว่า อย่างน้อยที่สุด เค้าก็ทำให้เวลาในช่วงหนึ่งของฉันมีความสุข และฉันไม่เคยโกรธเค้าเลยกับทุก ๆ สิ่งที่เค้าทำ

02 กรกฎาคม 2551

วัดเขาตะกร้าทอง

วัดเขาตะกร้าทอง หรือ วัดสุวรรณคีรีปิฎก เป็นวัดที่สร้างอยู่บนภูเขาใกล้กับบริเวณอ่างซับเหล็ก จังหวัดลพบุรีโดยพระสุปฏิปัณโณผู้ก่อสร้างวัดนี้ขึ้นมาคือ หลวงปู่บุญเหลือ และหลวงปู่ขาว ซึ่งในขณะนั้นได้เดินธุดงค์ผ่านมายังสถานที่แห่งนี้กล่าวกันว่า บริเวณยอดเขาซึ่งเป็นที่ตั้งของวัดนี้มีลักษณะเป็นแอ่งคล้ายกับตะกร้าเมื่อยามต้องแสงแดดนั้นบริเวณแอ่งนี้จะมีแสงระยิบระยับคล้ายกับทองจึงเป็นที่มาของชื่อวัดเขาตะกร้าทองดังกล่าวหลวงปู่บุญเหลือท่านได้มรณภาพไปตั้งแต่ปี 2516 ยังเหลืออยู่แต่หลวงปู่ขาวซึ่งตอนนี้ได้ไปสร้างวัดอยู่ที่จังหวัดศรีสะเกษ พวกเราเลยไม่มีโอกาสได้กราบนมัสการท่านภายในวัดจะมีถ้ำผู้ก่อกำเนิด ประดิษฐานพระพุทธรูปและรูปปั้นหลวงปู่บุญเหลือ และปู่ฤาษี ห้องถัดมา คือถ้ำมหาโชคซึ่งอยู่ในถ้ำ มีค้างคาวน้อยใหญ่อาศัยอยู่ข้างในเป็นห้องโถงประดิษฐานพระพุทธรูปองค์ใหญ่

สิ่งมหัศจรรย์ที่เราได้พบคือห้องโถงประดิษฐานพระพุทธรูป กับจุดที่ค้างคาวอาศัยนั้นห่างกันไม่เกินสิบก้าว แต่บริเวณที่ประดิษฐานพระพุทธรูป จะไม่มีค้างคาวมาเกาะด้านบนและไม่มีมูลค้างคาวให้เห็นเลยแม้แต่น้อย ... หลวงพี่เล่าว่าพอตกเย็นบรรดาค้างคาวน้อยใหญ่ก็จะบินออกจากถ้ำไปหากิน เห็นเป็นขบวน สวยงามมากบริเวณชั้นบนสุดจะเป็นที่ประดิษฐานของหลวงพ่อใหญ่และเจ้าแม่กวนอิมหลวงพี่บอกว่า ไม่ค่อยมีใครรู้จักวัดนี้มากนัก เนื่องจากเป็นวัดที่เน้นสายกรรมฐาน จึงมิได้ทำการประกาศออกไปแต่ถ้าหากญาติโยมสนใจอยากที่จะมาปฏิบัติธรรม ทางวัดก็ยินดีต้อนรับแม้ว่าอาจจะไม่ได้รับความสะดวกสบายมากนัก เนื่องทางวัดมีพระอยู่น้อยโดยขณะนี้มีพระจำวัดเหลืออยู่เพียง 4 รูปเท่านั้น แต่สิ่งที่ได้มาก็คือความสงบทั้งทางกายและทางใจเมื่อได้มาสัมผัสจึงคิดว่าหากมีโอกาสก็อยากให้พวกเราที่สนใจช่วยเผยแพร่วัดให้เป็นที่รู้จักกันแพร่หลายต่อไป

ผู้เขียน กองฟอน ผู้เรียบเรียง Nano

Your are in my mind

Your Welcome
Powered By Blogger